วัดนิเวศธรรมประวัติ

            หลังจากที่วัดวาอารามต่างๆต้องปิดให้ประชาชนงดเข้าไปทำบุญไหว้พระในช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโคโรน่าปัจจุบันบางวัดเริ่มเปิดให้บริการให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเยี่ยมชมความงามภายในบริเวณวัดและไปกราบไหว้พระพุทธรูปขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้กับชีวิตตนเองให้เจริญก้าวหน้าขึ้นได้บ้างแล้วเนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโคโรน่า

ตอนนี้เริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้นดังนั้นหลายสถานที่จึงเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ไปเยี่ยมชมดังนั้นวันนี้เราจึงจะพาไปเที่ยววัดนิเวศธรรมประวัติซึ่งที่วัดแห่งนี้เป็นวัดไทยแต่มีการสร้างสไตล์ฝรั่งเพราะว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวอยากจะให้วัดแห่งนี้มีความแตกต่างจากวัดอื่นๆเพื่อให้วัดที่นี่ดูมีเสน่ห์ไม่ซ้ำแบบใครด้วยวัดนี้ได้มีการสร้างมาตั้งแต่ช่วงสมัย พ.ศ. 2421

และแน่นอนด้วยสไตล์ของฝรั่งโบสถ์จึงเหมือนกับโบสถ์ของฝรั่งที่มีความสูงโอ้โหและข้างในก็ยังมีการตกแต่งให้เหมือนกับของโปรดของฝรั่งอีกด้วยซึ่งด้านในเราจะเห็นว่าจะมีการนำพวกกระจกสีมาตามหลักตามจุดต่างๆทำเป็นลวดลายที่มีความสวยงามแปลกตาและที่เป็นไฮไลท์ของวัดแห่งนี้ที่ประชาชนควรจะไปกราบไหว้นั่นก็คือที่นี่จะมีอัฐิของเจ้าจอมมารดาชุ่มซึ่งท่านเป็นพระสนมเอกของรัชกาลที่ 4 ใครที่เคยมาเที่ยววัดแห่งนี้

จะเห็นได้ว่าภายในโบสถ์นั้นจะสวยงามมากเพราะจะเทียบเท่ากับความสวยงามของโบสถ์ฝรั่งเลยทีเดียวและที่เป็นไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งของที่นี่ก็คือการเดินทางไปที่วัดแห่งนี้เราสามารถเพิ่มความตื่นเต้นให้กับตนเองได้ด้วยการนั่งกระเช้าข้ามแม่น้ำเพื่อจะไปเที่ยววัดแห่งนี้เพราะวัดนิเวศธรรมประวัติถูกสร้างอยู่ที่เกาะกลางน้ำ

ดังนั้นใครจะไปใครจะมาจึงต้องให้ทางสามเณรเป็นคนหมุนกระเช้าให้ ระหว่างที่รอกระเช้าเคลื่อนที่ไปถึงบริเวณวัดเราก็สามารถชมความงดงามธรรมชาติบริเวณรอบๆวัดได้ซึ่งอากาศที่นี่จะเย็นสบายและ มีความเงียบสงบเป็นอย่างมากอย่างยิ่งหากใครจะมาปฏิบัติธรรมที่นี่หรือแม้แต่ขยะที่จะมาถ่ายรูปกับสถานที่แปลกๆและสวยงามก็สามารถมาถ่ายรูปที่นี่

เพื่อเช็คอินลงใน Facebook และ Instagram ส่วนตัวของตนเองก็ได้ หากใครที่อยากจะมาเที่ยววัดนี้ก็อย่าลืมชวนคนในครอบครัวมาด้วยนะคะเพราะนอกจากจะได้เที่ยวแล้วยังได้บุญกลับไปเพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิต  สำหรับการเดินทางมาเที่ยวที่วัดนิเวศธรรมประวัติ นั้นจะอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเราสามารถมาเที่ยวที่นี่ได้ตั้งแต่ตีนห้าครึ่งจนถึงสามทุ่มได้เลย  เปิดให้นักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวที่นี่ทุกวัน เราสามารถร่วมทำบุญเพื่อนำเงินมาบูรณะซ่อมแซมวัดได้อีกด้วย

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8 pc

อีกมุมของสังคมไทยที่เห็นแก่ตัว

         เราจะเห็นได้ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องของความยิ้มแย้มแจ่มใสและความปกป้องอารีย์ช่วยเหลือซึ่งกันและกันซึ่งไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัยประเทศไทยจะมีชื่อเสียงด้านดีด้านนี้เสมอมายามคับขันที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่มีเหตุคนไทยก็มาช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่เสมอนั่นคือพื้นฐานที่ทุกคนถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กจนถึงโตเป็นผู้ใหญ่

และมีมาตั้งแต่ในสมัยอดีตกาลแล้วแต่ความดีที่มีชื่อเสียงนี้ยังมีมุมมืดของมันด้วยกันทุกคนเมื่อมีด้านสว่างด้านมืดของคนไทยที่นอกจากเรื่องของการยิ้มแย้มแจ่มใสและป้อมอารีย์นั้นก็มีเช่นเดียวกันนั่นก็คือมุมด้านของการเห็นแก่ตัวของคนบางคนเมื่อถึงคราวคับขันจริงๆมุมด้านนี้ของคนแต่ละคนก็จะออกมาแสดงให้เห็นเป็นพฤติกรรมที่เราสามารถเห็นได้

หาคนคนนั้นกำลังได้รับความลำบากดังเช่นปัจจุบันที่ประเทศไทยกำลังมีการระบาดของไวรัสโคโรน่าประชากรส่วนใหญ่ไม่มีงานทำไม่มีเงินซื้ออาหารเรียกได้ว่าแทบจะอดมื้อกินมื้อกันเลยทีเดียวซึ่งอย่างที่เรารู้กันอยู่ว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่ช่วยเหลือซึ่งกันและกันและปาลีจึงมีคนนำความคิดดีๆมาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

ด้วยการทำตู้ปันสุขขึ้นมาซึ่งตัวนี้มีแนวความคิดที่จะนำข้าวของเครื่องใช้อาหารการกินมาบริจาคให้กับคนยากไร้โดยที่เราไม่จำเป็นต้องมายืนแจกของให้ยุ่งยากเพียงนำสิ่งของมาไว้ในตู้และเมื่อใครขาดแคลนสิ่งไหนก็สามารถมาหยิบไปได้ฟรีโดยไม่ถูกคิดเงินซึ่งการทำเช่นนี้เป็นการแสดงความมีน้ำใจของเพื่อนมนุษย์ด้วยกันในมุมของความเห็นแก่ตัวของคนบางคน

เราจะเห็นได้ว่าหลายคนที่มาเปิดตู้ปันสุขเพื่อหยิบของที่ต้องการไปนั้นพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้หยิบไปเพียงแค่ชิ้นสองชิ้นเท่านั้นไม่ได้คิดว่าจะต้องเหลือของอื่นๆเอาไว้ให้กับคนที่ขาดแคลนได้มีกินมีใช้ร่วมกันแต่ส่วนใหญ่ที่เราเห็นกันอยู่นะตอนนี้ก็คือทุกคนต่างเตียงถุงเตรียมตะกร้าเพื่อมาขนของกลับบ้านไปเป็นจำนวนมาก

โดยไม่นึกถึงคนอื่นที่ขาดแคลนเหมือนกันว่าเขาจะมีกินเหมือนกันหรือไม่หากเรานำไปหมดและนี่คืออีกมุมหนึ่งที่มีอยู่ในสังคมไทยที่เราอาจจะรู้แต่ว่าไม่เคยนึกถึงมาก่อนเรื่องนี้ไม่ได้มีการกล่าวอ้างขึ้นลอยๆเท่านั้นแต่ยังมีการบันทึกภาพที่เห็นการกระทำของคนที่เห็นแก่ตัว ที่ทำให้ ความ ต้องการที่อยากจะช่วยเหลือผู้คนของคนที่มีจิตเมตตาหายไป

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8 line

สถานที่ที่น่าสนใจของตุรกีมีอะไรบ้าง

สำหรับประเทศตุรกีนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าดึงดูดใจอยู่ไม่น้อย นั่นก็คือปามุคคาเล เพราะมันคือสิ่งมหัศจรรย์ของตุรกีเลยก็ว่าได้ โดยทราบกันทั่วไปว่าปามุคคาเลนั้นก็คือ ปราสาทปุยฝ้าย

เนื่องจากว่าได้มีการนำ คำต่างๆมารวมกัน โดยเป็นภาษาของตุรกีนั้น เท่ากับว่าคำว่าปามุคนั้นก็คือปุยฝ้าย ส่วนความหมายของคำว่าคาเลนั้นตุรกีก็หมายถึงปราสาทนั่นเอง นานจึงนำมารวมกันให้ความหมายจากคำว่าปราสาทปุยฝ้ายที่เรารู้จักกันนั่นเอง

จะเห็นได้ว่าปราสาทปุยฝ้ายนี้ เป็นหยังบ่น้ำแร่ที่มีการขุดขึ้นโดยธรรมชาติ ซึ่งเท่ากับว่าน้ำเหล่านั้นได้มีการผุดขึ้นมาจากใต้พื้นแผ่นดินของเรา นอกจากนั้นยังมีแหล่งที่มาพูดว่าเราพื้นใต้ดินนั้นเป็นพื้นของธารน้ำต่างๆ

แต่ทว่าจุดเด่นของน้ำแร่ที่นี่นั้นจะมีความแตกต่างไม่เหมือนจากที่อื่นนะ เพราะว่าจากที่เราเห็นแล้วบ่อน้ำแร่ของที่นี่นั้นเป็นลักษณะที่เป็นแอ่งของสระน้ำที่เป็นแนวน้ำตก ซึ่งสระน้ำนี้จะเกิดการทำปฏิกิริยา กับหินปูนที่มีสีออกจะเป็นสีขาว เกาะกันเป็นชั้นๆ เป็นขั้น โดยมองแล้วนึกถึงน้ำตกต่างๆที่เราเห็นกันนั่นแหละ แต่ว่าลักษณะที่เราเห็นนั้นมันก็ไม่ใช่น้ำตกที่มันไหลจ้ะที่เราคุ้นเคย เพราะการไหลในแต่ละชั้นของมันนั่นก็คือการไหลที่เกิดจากน้ำที่ผุดขึ้นมา นอกจากนั้นยังมีแร่ธาตุต่างๆ ซึ่งมีการพูดกันว่าน้ำเหล่านี้สามารถรักษา โรคภัยต่างๆได้อีกด้วยนะ

สำหรับน้ำที่ผุดขึ้นมานี้จะเห็นได้ว่า ค่อนข้างที่จะมีความร้อนนิดนึงเพราะมันอยู่ที่ 35 องศาเซลเซียสเลยแหละ จะเห็นได้ว่าเรานักท่องเที่ยวแห่ให้ความสนใจกันอย่างมากและมีการไปนั่งแช่น้ำแร่เหล่านี้กันอีกด้วย นอกจากจะได้แช่น้ำแร่แล้วสถานที่เหล่านี้ก็ถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างสวยงามอีกมาก และยังถือว่าเป็นมรดกของโลกอีกด้วยนะ

ดังนั้นเราควรที่จะอนุรักษ์ไว้ ให้ทางด้านรุ่นลูกรุ่นหลานของเราได้มีโอกาสไปสัมผัสกับมัน และที่สำคัญปราสาทปุยฝ้ายที่เราเห็นกันตอนนี้ก็ยังเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลกอีกด้วย เท่ากับว่าจะต้องมีบุคคลที่เข้ามาดูแล ดังนั้นรัฐบาลและองค์กร UNESCO เข้ามาดูแลอย่างจริงจัง เพื่อเป็นการปกป้องให้สถานที่เที่ยวเหล่านี้ไม่ทรุดโทรม และยังเป็นการรักษาไว้ให้คงสืบทอดต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานหรือรุ่นต่อไป

ดังนั้นหากผู้ที่สนใจที่จะเข้าไปเที่ยวสถานที่เหล่านี้คุณควรทำตามกฎที่มีการบ่งบอกเอาไว้เพื่อเป็นการอนุรักษ์และเป็นการเก็บรักษาไว้ให้รุ่นอื่นๆได้ยลโฉมสถานที่สวยๆเหล่านี้อีกด้วย

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  ทางเข้าrb88

ไปเที่ยวบางแสนแวะเที่ยวเขาสามมุข

          สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวทะเลบางแสนนั้นคงต้องเคยขับรถผ่านเขาสามมุกซึ่งที่นี่จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกที่หนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมและไปเที่ยวกันโดยสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้

นอกจากเราจะไปดูลิงที่เขาสามมุกแล้วยังมีอาหารรสเลิศที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกินกันและที่สำคัญที่นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไปเพื่อต้องการไปกราบไหว้ขอพรเกี่ยวกับเรื่องของความรักโดยที่เขาสามมุกนั้นมีตำนานความรัก ที่มีกันมาอย่างยาวนานซึ่งสมัยก่อนนั้นสถานที่แห่งนี้ยังไม่ได้ถูกเรียกเป็นเขาสามมุขและยังไม่ได้ถูกเรียกว่าเป็นบางแสนซึ่งเป็นเดิมเป็นแค่หมู่บ้านหมู่บ้านหนึ่งเท่านั้นโดยมีตำนานเล่าถึงความรักของคนทั้งคู่ว่าที่หมู่บ้านแห่งนี้มีกำนันชื่อว่ากำนันบ่ายมีลูกชายชื่อว่าแสนและตัดออกไปไม่ไกลมีหญิงสาวคนหนึ่งอยู่กับยาย

โดยหญิงสาวคนนี้ชื่อว่าสามมุกซึ่งในทุกๆวัน 3 โมงจะต้องออกมานั่งเล่นอยู่ริมชายหาดเพื่อมองดูคนหนุ่มคนสาวเล่นว่าวกันอยู่มาวันหนึ่งอยู่ดีๆก็มีว่าวตกลงมาอยู่ที่หน้าเขาสามมุกซึ่งสามมุขได้ทำการเก็บว่าวนั้นเอาไว้และก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งก็คือแสนเดินมาเพื่อจะเอาคืนเมื่อแสงได้เจอกับสามมุขก็รู้สึกถูกชะตากันและเกิดรักใคร่ชอบพอกันขึ้น

แสนได้ให้แหวนแทนใจกับสามมุขเอาไว้โดยทั้งคู่ได้มีการสาบานต่อกันว่าหากใครผิดคำสาบานก็ขอให้มาโดดหน้าผาตายตรงบริเวณที่ทั้งคู่กำหนดเอาไว้ซึ่งกำนันบ่ายพ่อของแสนรู้เรื่องเข้าก็ไม่พอใจเพราะว่าครอบครัวของสามมุกนั้นยากจนกำนันบ่ายจึงได้ไปขอหญิงสาวคนหนึ่งเพื่อให้มาแต่งงานกับแสน

ซึ่งในวันแต่งงานนั้นสามมุขได้มารดน้ำให้กับแสนและนำแหวนมาคืนแสงด้วยหลังจากที่แสนเห็นว่าสามมุกมาอวยพรให้และวิ่งหายออกไปแสนจึงวิ่งตามสามมุขไปจนถึงหน้าผาที่พวกเขาเคยสาบานกันเอาไว้และสามมุกก็กระโดดลงหน้าผาฆ่าตัวตายทำให้ฉันเสียใจมากจึงได้กระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายตามสามมุกไปซึ่งชาวบ้านที่รู้ข่าวต่างก็พากันสาปแช่งกำนันบ่ายที่กีดกันความรักของคนทั้งคู่ซึ่งตัวกำนันบ่ายเองก็รู้สึกเสียใจมากจึงได้มีการตั้งชื่อหน้าผาแห่งนั้น

ว่าเขาสามมุกส่วนทะเลตรงบริเวณนั้นจึงตั้งชื่อว่าหาดบางแสนเพื่อให้ทั้งคู่ได้ครองคู่กันและนับแต่นั้นเป็นต้นมาชาวบ้านก็มักจะเห็นหญิงสาวมายืนอยู่ตรงหน้าผาหน้านั้นโดยชาวบ้านเชื่อกันว่านั่นคือวิญญาณของสามมุกดังนั้นนับตั้งแต่นั้นชาวบ้านจึงได้มีการตั้งศาลนี้ขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ให้หญิงสาวที่ชื่อ 3 มุกด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์และก็มีพวกหนุ่มสาวมากราบไหว้ขอพรเกี่ยวกับเรื่องของความรักกัน

เป็นจำนวนมากอีกทั้งชาวประมงที่จะล่องเรือหาปลาก็มักจะมาจุดประทัดเพื่อบนบานศาลกล่าวให้ชาวประมงหาปลาได้มากำลังและอย่าได้พบอุปสรรคกับพายุในทะเลซึ่งคำอธิษฐานก็จะสัมฤทธิ์ผลและชาวประมงก็จะมาจุดธูปแก้บนกับเจ้าแม่สามมุขทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกที่หนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมพากันเดินทางมากราบไหว้ขอพร

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  bk8 โบนัส 100

สถานที่ไปเที่ยวต่างประเทศโดยไม่ต้องง้อวีซ่า

ว่ากันว่าการเดินทางเป็นการช่วยสร้างแรงบันดาลใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการไปเที่ยวต่างประเทศ มันเป็นการทำให้เราได้เปิดมุมมองโลกทัศน์ และเป็นการเปิดมุมมองประสบการณ์ใหม่ๆได้อย่างดีเยี่ยม แต่การเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศนั้นก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่นัก เพราะจะต้องเตรียมทั้งพาสปอร์ตจะต้องเตรียมทั้งวีซ่าหรือแม้แต่เอกสารต่างๆที่ใช้สำหรับเดินทาง ซึ่งจะเห็นได้ว่าเอกสารค่อนข้างที่จะวุ่นวายมากมายเลยแหละ

แต่วันนี้ทางเว็บ  next88 ฝากเงิน  ของเราจะมาแนะนำสถานที่ไปเที่ยวต่างประเทศโดยไม่ต้องง้อวีซ่า

ซึ่งสำหรับประเทศที่เราจะแนะนำนั้นมีทั้งวิวสวยแถมไม่ต้องง้อวีซ่าอีกด้วยซ้ำ และมีจุดเช็คอินที่เที่ยวต่างๆที่เราไม่ควรพลาด ซึ่งหากใครอยากรู้ว่ามันมีประเทศอะไรบ้างมาดูกันเลย

อันดับแรกประเทศเวียดนาม

ถือได้ว่าเวียดนามนั้นตอนนี้กำลังขึ้นชื่อเป็นอย่างมากแถมสถานที่ท่องเที่ยวเขานั้นก็มีหลากหลายสไตล์ด้วยกัน ซึ่งจะมีตั้งแต่ภูเขาที่เป็นธรรมชาติแบบเขียวขจีล้อมรอบไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ หรืออาจจะเป็นชายหาดที่เป็นทะเลสาบก็ได้เช่นกัน และนอกจากนั้นยังมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามต่างๆอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น เมืองเก่าฮอยอัน ทะเลทรายสีขาวนวลพี่กำลังเป็นชื่อโด่งดังอยู่ตอนนี้

แน่นอนแล้วว่านักท่องเที่ยวสัตห*บเบอร์กำลังชื่นชอบเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นยังมีเกาะฟูก๊วกที่เป็นเกาะขึ้นชื่อ เกี่ยวกับเป็นไข่มุกแห่งเวียดนาม ที่มีการตั้งอยู่ระหว่างชายแดนของประเทศเวียดนามและ ประเทศกัมพูชาในทะเลของ อ่าวไทยค่ะ

จะเห็นได้ว่าการเที่ยวเวียดนามนั้นมีการเดินทางที่สะดวกสบาย และการใช้เงินในการท่องเที่ยวนั้นก็ถือได้ว่าไม่แพงนักเป็นการเซฟเงินในกระเป๋าเราไปอีกรูปแบบหนึ่งเรียกว่าดีต่อใจมากๆ ซึ่งในส่วนตัวของเราไม่แปลกใจเลยสักนิดที่จะทำให้สถานที่เหล่านี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เพราะสถานที่เหล่านี้ทั้งสวยและกำลังเป็นที่ยอดนิยมอยู่ในขณะนี้หาคนที่ต้องการท่องเที่ยวไม่ไปสถานที่เหล่านี้ถือว่าพลาดอย่างหนัก แถมไปเวียดนามนี้คุณจะไม่ต้องง้อวีซ่าอยู่ได้ประมาณ 30 วันเลยนะจ๊ะ

อีกหนึ่งประเทศที่กำลังเป็นที่นิยมของชาวไทยนั่นก็คือประเทศไต้หวัน

ชื่อได้ว่าเป็นประเทศที่คนไทยนิยมไปมากเพราะเรียกได้ว่าค่าครองชีพนั้นไม่แพงจนเกินไปซึ่งเราจะเห็นได้ว่าไต้หวันนี้เป็นต้นตำรับของเครื่องดื่มที่กำลังฮิตไปทั่วทีปทั่วแดนนั่นก็คือชานมไข่มุกซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่ท่านสามารถเที่ยวได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องง้อวีซ่าและต้องการเดินทางท่องเที่ยวได้ถึง 14 วันด้วยกันจุดเด่นของที่นี่มีอยู่หลากหลายอย่างด้วยกันแต่หนึ่งในนั้นไม่แพ้การช้อปปิ้งเพราะเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ราคาค่อนข้างที่จะสบายกระเป๋าของคนที่มีความชื่นชอบในด้าน Shoppingนอกจากนั้นยังมีแหล่งของกินที่ค่อนข้างอร่อยอีกมากมายอีกด้วยนะ

เที่ยวที่ภูกระดึงในช่วงฤดูหนาว

ที่เที่ยวภูกระดึงนั้นตั้งอยู่ที่จังหวัดเลยซึ่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมได้ก็เฉพาะในเดือนตุลาคมจนถึงมกราคมเท่านั้นเนื่องจากที่นี่นั้นจะมีความสวยงามในช่วงฤดูหนาวเท่านั้นแต่ในช่วงฤดูอื่นที่นี่นั้นดอกไม้จะไม่บานและความงดงามที่เคยมีในฤดูหนาวก็จะไม่มีไปดังนั้นที่นี่จะเปิดให้เฉพาะแค่ตุลาคมจนถึงมกราคมเท่านั้นค่ะ

เพราะตั้งแต่ตุลาคมไปจนถึงเดือนมกราคมค่ะ ซึ่ง อากาศที่นี่นั้นไม่ได้ร้อนเหมือนกับเวลาเราอยู่ที่เมืองไทยที่อื่นแต่ที่นี่อากาศจะเย็นกว่าที่อื่นอย่างที่ทุกคนรู้ว่าเดือนตุลาคมถึงมกราคมจะเป็นช่วงที่อากาศเย็นมากที่สุด

แต่การที่คุณมาที่นี่ก็ยังมีความรู้สึกหนาวเย็นมากกว่าที่อื่นถึงแม้ว่าที่นี่จะมีแดดแต่แดดก็ไม่ได้ร้อนมากนักดังนั้นที่นี่จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปมากๆซื้อที่พี่นี่นั้นเปิดเพียงแค่ในช่วงเดือนตุลาคมถึงมกราคมเท่านั้นอีก 8 เดือนที่เหลือจะเป็นช่วงที่จะรอให้ดอกไม้ที่เหี่ยวแห้งหรือต้นไม้ที่เหี่ยวแห้งนั้นการฟื้นฟูร่างกายใหม่ให้กลับมาสวยงามเหมือนเดิมพร้อมที่จะให้นักท่องเที่ยวได้มาเข้าชมและถ่ายรูปคู่ด้วยกันซึ่งที่นี่นั้นจะมีทั้งน้ำตกสถานที่ที่น่าเที่ยวชมบรรยากาศธรรมชาติอีกหลายๆอย่าง

ซึ่งที่นี่นั้นจะมีโซน 2 โซนสำหรับคนผู้สูงอายุที่ไม่มีแรงเดินพอที่จะขึ้นไปถ่ายรูปตรงจุดสูงได้นั้นที่นี่ก็ได้สร้างจุดถ่ายรูปตรงบริเวณพื้นราบเอาไว้สำหรับผู้สูงอายุที่ไม่ค่อยมีแรงถึงแม้ว่าจะเป็นผู้สูงอายุแล้วแต่ก็สามารถที่จะสัมผัสบรรยากาศธรรมชาติอีกแบบหนึ่งได้เช่นกันส่วนอีกโซน 1 คือโซนที่มีไว้สำหรับคนที่มีแรงเดิน

ซึ่งผู้สูงอายุก็สามารถเข้ามาในซอยนี้ได้เพียงแต่ส่วนใหญ่จะไม่เข้ามากันเนื่องจากไม่ค่อยมีแรงเดินขึ้นไปในจุดสูงเช่นตรงดอยหรือภูเขาซึ่งก็จะเป็นภาพที่สวยไปอีกแบบเช่นเดียวกันค่ะซึ่งทางผู้อำนวยการของที่นี่นั้นได้รับไว้ว่าแรงบันดาลใจของเธอนั้นได้มาจากการที่เธอมักจะไปเที่ยวที่เชียงใหม่หรือเชียงรายบ่อยๆและที่นั่นจะมีสถานที่เที่ยวที่สวยงามมากมายในช่วงฤดูหนาว

ดังนั้นเธอจึงมีแรงบันดาลใจที่จะสร้างสถานที่เที่ยวนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะได้ไม่จำเป็นที่จะต้องไป นั่งเครื่องบินในการไปสถานที่นั้นเพียงแค่เราขับรถมาที่จังหวัดเลยก็สามารถที่จะมาเที่ยวที่นี่ได้แล้วซึ่งที่นี่นั้นจะมีต้นดอกนางพญาเสือโคร่งด้วยนะคะซึ่งนักท่องเที่ยวนิยมมากในการมาดูที่นี่รับรองว่าหากทุกคนพาลูกหลานไปกันที่นี่แล้วเด็กๆจะต้องเจ็บใจแม้กระทั่งผู้สูงอายุก็ยังต้องไม่อยากกลับแน่นอนค่ะที่นั่นตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯดังนั้นสามารถลงไปกันได้นะคะ

 

สนับสนุนโดย  rb88

สถานที่ท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นเองจากธรรมชาติ

Azure Window

สำหรับภาพที่มันได้ปรากฏอยู่ข้างต้นนั้น ผู้คนในระแวกนั้นได้เรียกกันว่าประตูหน้าต่างที่มันได้เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ซึ่งโดยหินที่มีความเก่าแก่ที่หมู่เกาะมอลตาโกโซในที่แห่งนี้ มันได้เป็นสิ่งที่สุดยอดมหัศจรรย์ ที่มันได้มีกำเนิดขึ้นมาเองโดยจากธรรมชาติ ที่มันได้อยู่ด้านบนหมู่เกาะมอลตาโกโซ นอกจากสิ่งที่มันได้ติดกับธรรมชาติแห่งนี้นั้น

ทั้งนี้มันก็ยังมีสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดของโลกอย่างหลุมที่ลึกอย่างหลุมสีน้ำเงินอีกด้วย ซึ่งสถานที่แห่งนี้มันจึงได้กลายมาเป็นจุดเด่นของเหล่าบรรดานักดำน้ำและนักท่องเที่ยวต่างๆนานาอีกมากมายที่คิดอย่างจะมาสถานที่แห่งนี้แต่เพียงสถานที่เดียว เพื่ออยากจำดำน้ำลงไปสำรวจดูที่ใต้ผิวน้ำและด้านภูมิทัศน์ที่มีความงดงาม เนื่องจากประตูหน้าต่างธรรมชาติแห่งนี้นั้น

มันได้มีรูปร่างที่เป็นแท้งหินที่ได้มีความเก่าแก่ที่ได้อยู่บนเกาะแห่งนี้มาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ยังมีความโดดเด่นมาขึ้นไปอีกเพราะมันได้มีความยาวยืดออกไปนอกตัวทะเล ซึ่งจุดที่โดดเด่นของมันนั้นก็คือมันจะมีลักษณะรูปทรงเหลี่ยมที่มองดูเหมือนกับหน้าต่าง และด้วยเหตุที่มันได้เกิดเป็นสี่เลี่ยมนั้นไม่ใช่ฝีมือมนุษย์แต่อย่างใด

เพราะมันได้เป็นฝีมือจากธรรมชาติที่ทำให้มันได้เกิดขึ้นมามันอาจจะเกิดขึ้นมาจากถูกน้ทะเลกัดเซาะมันจึงได้ทำให้เกิดเป็นรูปสี่เลี่ยมอย่างที่คุณคนนั้นได้เห็นกัน ทั้งนี้ดานประตูหน้าต่างแห่งนี้มันยังมีความหนาประมาณ23เมตร ซึ่งจะมีสีที่อาจจะดูเหมือนกับสีของหินปูนโดยทั่วๆไป นอกจากนี้สีของสีนั้นมันจะมีสีที่แตกต่างกันออกไปมันก็จะขึ้นอยู่กับแสงแดดที่มันจะส่องมากระทบกับหิน หรือในบริเวณมันก็จะมีน้ำขัง

มันจึงได้ทำให้สีของหินนั้นได้เกิดขึ้นจากสีด้านธรรมชาติที่สุด เนื่องจากบานประตูหน้าต่างที่มันได้มีความใหญ่ได้ถึงขนาดนี้นั้นทั้งนี้มันก็ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่มันจะสามารถทำให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้นก็คือ มันได้เป็นหลุมน้ำที่มีความลึกเป็นสีน้ำเงินที่จะมีให้เห็น มันจะมีน้ำทะเลที่ใสมองดูสวยงาม ซึ่งมันก็ได้ทำให้สถานที่แห่งนี้ได้กลายมาเป็นจุดของศูนย์รวมของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบสิ่งที่เป็นธรรมชาติ ทั้งนี้มันก็ยังได้เป็นสถานที่

ที่ได้ถูกนิยมที่เหล่านักท่องเที่ยวนั้นชื่นชอบเข้ามาดำน้ำที่ที่สถานที่แห่งนี้อีกด้วย ซึี่งมันก็เป็นอีกหนึ่งของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปพักผ่อนกันเป็นจำนวนมากในยามว่างของเหล่านักท่องเที่ยวอีกด้วย

 

สนับสนุนโดย  bk8

ยอดเขาที่มีความสูงมากที่สุดของประเทศไทย

สำหรับใครที่กำลังมองหาสถานที่ที่จะเอาไว้ท่องเที่ยวยามหน้าหนาวเราของแนะนำสถานที่เหล่านี้เลยรับรองเลยว่าวิวนั้นสวยจนต้องทำให้คุณนั้นอย่างหันกลับไปที่นั่นอีกสักครั้งหนึ่งและวันนี้จะมีอะไรกันบ้างมาดูกันเลย

ยอดเขาหลวง มีความสูงระดับ1,835เมตร

สำหรับยอดเขาหลวงนั้นได้ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาหลวงจังหวัดนครศรีธรรมราช ณ ที่ยอดเขาหลวงแห่งนี้เป็นได้เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารและคลองต่างๆอีกมากมาย ณ สภาพภูมิอากาศโดยรอบได้เป็นป่าดงดิบชื้นและป่าดิบเขาอีกยังได้มีธรรมชาติที่ได้มีความสวยงามและยังได้มีความหลากหลายทั้งธรรมชาติที่สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลยก็คือป่าเฟิร์นโบราณและพันธุ์กล้วยไม้ที่หายากอีกทั้งยังได้เป็นดินแดนสวรรค์ของกลุ่มกล้วยไม้เมืองไทยที่หายากและยังคุณค่าแก่การอนุลักษณ์อีกด้วย

ดอยภูแว มีความสูงระดับ1,837เมตร

สำหรับยอดดอยภูแวนั้นได้ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยภูคาจังหวัดน่านและสำหรับที่บนยอดดอยนั้นมีลักษณะที่เป็นทุ่งหญ้าไม่มีต้นไม้ใหญ่อีกทั้งยังได้มียอดเขาอยู่หลายลูกที่ได้เรียงตัวกันเป็นสันเขาทอดตัวยาวและเป็นเทือกเขาเดียวกันกับยอดเขาภูไตได้มีลานหินและหน้าผาทั้งยังมีพันไม้ที่สำคัญอย่างเช่นดอกกุหลาบพันปี ทุ่งดอกไม้ ผาแด่น ผาผึ้ง นั้นยังเป็นเป็นสถานที่ที่ได้เอาไว้ชมวิวทิวทัศน์และทะเลหมอกที่มีความสวยงามและที่ได้เป็นจุดไฮไลท์ที่สำคัญนั้นจะอยู่ที่ช่วงตอนบ่ายแก่ๆทั่งยังมีทุ่งหญ้าสีเขียวสดและเมื่อได้โดนแสงแดดส่องมันก็จะค่อยเปลี่ยนสีไปตามแสงแดดซึ่งมันได้เป็นภาพที่สวยงามที่สุดที่คุณนั้นจะไม่มีวันลืมหากได้มาท่องเที่ยวที่ดอยภูแวแห่งนี้

ยอดเขาโมโกจู มีความสูงระดับ1,964เมตร

 สำหรับยอดเขาโมโกจู นั้นได้ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่วงได้มีพื้นที่ครอบคลุมจังหวัดนครสวรรค์และกําแพงเพชรสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะต้องการไปพิชิตบนยอดเขาโมโกจูจำเป็นที่จะต้องติดต่อเพื่อขอจองในช่วงระยะเวลากับเจ้าหน้าที่ก่อนให้เรียบร้อยและที่สำคัญคุณควรจะต้องฟิตร่างกายของตัวเองมาให้พร้อมด้วยเพราะสำหรับทางที่จะเดินขึ้นเขาที่นี่นั้นได้มีความลาดชันไม่ต่ำกว่า60องศาและอาจจะต้องใช้ระยะเวลาที่จะเดินทางไปกลับอยู่หลายวันและจะต้องนอนคาอยู่ภายในป่า

ตามที่ได้มีกำหนดและถ้าหากว่าได้ลองขึ้นไปมองเห็นที่วิวข้างด้านบนแล้วขอรับลองเลยว่าคุณนั้นจะลืมความเหนื่อยไปในทันทีเลยดังนั้นสำหรับใครที่จะเตรียมตัวเพื่อที่จะมาเข้ามาพิชิตที่ยอดเขาโมโกจูก็ควรต้องศึกษาเรื่องของสภาพฟ้าและอากาศให้ดีและให้เรียบร้อยซะก่อนมันจะเป็นการดีมากที่สุดเผื่อคุณนั้นจะได้มาไม่เสียเวลาเสียเที่ยวเอาเปล่าวๆ

สถานที่ท่องเที่ยวหนีความร้อนใกล้กรุงเทพ

ในสภาพอาการของบ้านเราโดยเฉพาะในเมืองกรุงที่ทั้งร้อนอบอ้าวแถมเต็มไปด้วยฝุ่นควันดังนั้นจึงทำให้หลายคนนั้นมีความอยากที่จะหาสถานที่หลบร้อนโดยสามารถไปนอนแบบชิวๆได้เป็นเวลาสักคืน และหากจะให้ชุ่มฉ่ำแบบสะใจแล้วละก็จะต้องมีที่สามารถเล่นน้ำได้ในตัวพร้อมกับที่พักไม่ว่าจะเป็นสถานที่ที่มีสระว่าน้ำหรือสวนน้ำก็ตามหรือแม้แต่ทะเลก็เป็นการช่วยอัพดีกรีในความเย็นสบายให้แก่พวกเราได้เป็นอย่างดี ดังนั้นหากใครก็ตามที่ยังไม่ทราบว่าจะมีการหนีร้อนไปที่แห่งไหนดี

ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำสถานที่ที่เป็นที่พักสุดชิวที่มีสถานที่สำหรับเอาไว้เล่นน้ำและให้ไปนอนพักโดยมีดังนี้

เรามาเริ่มที่เป็นแนวทะเลและใกล้กรุงเทพอย่างหัวหินกันก่อนเลย กับ Holiday inn vana hua hin ซึ่งสำหรับที่นี่มีที่พักแสนสวยและยังมีพร้อมสำหรับทุกอย่าง รวมกับทั้งมีวิวที่สวยแถมมีห้องพักอย่างดีอีกด้วย ห้องอาหารก็ดี และยังมีกิจกรรมให้เราได้เลือกทำอีกต่างหาก ส่วนที่เป็นไฮไลท์ที่เราจะไม่พูดถึงนั้นไม่ได้เลยนะเพราะนั้นก็คือสวนน้ำวานานาวาที่อยู่ติกับบริเวณของโรงแรม ทางด้านของความพิเศษที่เป็นของมันนั้นก็คือลูกค้าของโรงแรมสามารถที่จะเข้าใช้งานได้อย่างฟรีนั่นเอง

นอกจากนั้นคุณยังไม่ต้องไปรอต่อคิวที่จะซื้อตั๋วให้วุ่นวาโดย ภายใน 1 วันนั้นเราจะทำการเข้าออกบริเวณสวนน้ำนี้กี่ครั้งก็ได้นะถึงแม้ว่าจะเช็คเอ้าแล้วก็ยังสามารถที่จะสามารถเข้าเล่นน้ำได้อย่างเต็มวันกันไปเลย และถ้าหากท่านใดที่ไม่อยากออกจากที่พักแล้วละก็ทางโรงแรมเองก็มีสระว่ายน้ำที่อยู่บริเสณชั้นบนชั้นที่ 26 นั่นเอง โดยที่นี่นั้นเป็นแบบทรีนีตี้พลูเลยนะคะ ซึ่งเรานั้นจะได้ว่ายน้ำแบบเพลินๆโดยได้มีการชมบรรยากาศของชายทะเลไปด้วย แถมยังสามารถที่จะสั่งเครื่องดื่มค็อกเทลมาจิบแบบเก๋ๆได้อีก บอกเลยว่าถูกใจกับสาวๆอย่างแน่นอนจะเซลฟี่แบบไหนก็ตามมุมไหนก็ถือว่าสวยสุดๆไปเลย

ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวสำหรับแนวไหนก็ตามท่านสามารถที่จะท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจ  เพราะจะมาแนวครอบครัวก็ไม่ต้องกังวลอะไรเนื่องจากมีน้ำและเครื่องเล่นให้เด็กๆได้เล่นและสัมผัสกับความสนุกจนลืมสิ่งอื่นรอบที่เป็นรอบข้างกันไปเลยนะ หรืออาจจะเดินทางไปกับคู่รักหรือเพื่อนๆก็จะสนุกไปอีกแบบ

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนของเราโดย  sagame

ไปเที่ยวไต้หวันจะต้องทำตัวอย่างไร

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายของประเทศไต้หวัน ไม่ว่าจะเป็น พิพิธภัณท์พระราชวังกู้กง ตึกไทเป 101 หมู่บ้านโบราณจิ่วเฟิ้น อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค และตลาดกลางคืนชื่อดังมากมาย ไต้หวันยังมีอาหารอร่อยๆ ไว้ให้ลิ้มลองอิ่มท้องหลากหลายทั้ง ชาบูหม่าล่า เสี่ยวหลงเปา ไข่ต้มใบชา เต้าหู้เหม็น และที่ขาดไปไม่ได้เลยด็คือ ชานมไข่มุก

จะเห็นได้เลยว่าเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวอยากลองไปเที่ยวที่ประเทศนี้  แต่ก่อนที่จะไปเที่ยวที่ประเทศไต้หวันนั้นมีข้อควรรู้รวมถึงกฎระเบียบที่ต้องปฏิบัติตามดังนี้ค่ะ

  1. การขึ้น-ลงบันไดเลื่อน ที่ประเทศไต้หวันการขึ้น-ลงบันไดเลื่อนนั้นเหมือนกับที่ประเทศเกาหลีใต้เลยค่ะ สามารถจำไปใช้เมื่อไปเที่ยวทั้ง 2 ประเทศได้เลย คือควรยืนชิดขวาค่ะ ถ้าต้องความเร็วหรือถ้าคุณรีบให้ใช้ชิดซ้ายค่ะ ห้ามหยุดอยู่ตรงกลางบันไดเลื่อนนะคะ เพราะจะเป็นการขวางทางทั้งคนที่ยืนชิดขวา และ คนที่ยืนชิดซ้ายค่ะ 
  2. กฎของสถานีรถไฟฟ้า ที่ประเทศไต้หวันนั้นมีกฎระเบียบค่อนข้างเข้มงวดสำหรับการใช้บริการรถไฟฟ้าค่ะ คือ ห้ามสูบบุหรี่ ห้ามรับประทานอาหาร ห้ามเคี้ยวหมากฝรั่ง ภายในสถานีรถไฟฟ้าทุกสถานีค่ะ หากคุณฝ่าฝืนกฎระเบียบเจ้าหน้าที่จะทำการปรับคุณ ค่าปรับอยู่ที่ 1,500-7,500 ดอลลาร์ไต้หวันค่ะ
  3. ห้ามปักตะเกียบกลางถ้วยชามข้าว เป็นอีกข้อที่เหมือนกับประเทศเกาหลีใต้ รวมไปถึงประเทศจีนด้วยค่ะ เพราะคนไต้หวันเปรียบเสมือนการไหว้คนตายในงานศพ และพิธีกรรมต่างๆที่เกี่ยวกับคนตาย ควรระวังในข้อนี้ให้มากๆนะคะ
  4. ใบเสร็จที่ไต้หวันคือลอตเตอรี่ ที่ประเทศไต้หวันนั้นเมื่อคุณได้ทำการจับจ่ายซื้อของตามร้านค้าต่างๆ คุณจะได้รับใบเสร็จที่มี code ภาษาอังกฤษกับตัวเลขอีกจำนวนแปดหลัก ค่ะ ซึ่งใบเสร็จเหล่านี้คือลอตเตอรี่ที่ให้คุณเอาไว้ลุ้นรับเงินรางวัลได้ โดยลรางวัลนั้นสามารถตรวจและนำไปขึ้นเงินได้ในทุกวันที่ 25 ของเดือนที่เป็นเลขคี่ค่ะ แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณมาเที่ยวแค่แป๊บเดียวไม่ได้อยู่นานมาก็สามารถนำใบเสร็จเหล่านั้นไปหย่อนที่ตู้รับบริจาคได้ค่ะ ถ้าใบเสร็จที่อยู่ในกล่องถูกเงินรางวัล เงินเหล่านั้นจะถูกโอนเข้ามูลนิธิและองค์กรต่างๆ ตามกล่องบริจาคที่คุณได้ใส่ใบเสร็จบริจาคนั้นเองค่ะ 
  5. ไม่ต้องทิป หากคุณไปใช้บริการตามร้านอาหารทานข้าว เครื่องดื่ม ต่างๆเสร็จแล้วนั้นไม่จำเป็นต้องให้ทิปกับพนักงานค่ะ เพราะร้านอาหารส่วนมากในไต้หวันมักจะรวมค่า Service Charge 10% เอาไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ
  6. ห้ามกระดิกนิ้วเรียกคนอื่น การกระทำแบบนี้ในประเทศไต้หวันถือเป็นเรื่องเสียมารยาทอย่างมากและไม่เคารพคนอื่นค่ะ หากคุณต้องการเรียกคนให้ใช้มือทั้งมือในการกวักเรียกแทนค่ะ