สถานที่ท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นเองจากธรรมชาติ

Azure Window

สำหรับภาพที่มันได้ปรากฏอยู่ข้างต้นนั้น ผู้คนในระแวกนั้นได้เรียกกันว่าประตูหน้าต่างที่มันได้เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ซึ่งโดยหินที่มีความเก่าแก่ที่หมู่เกาะมอลตาโกโซในที่แห่งนี้ มันได้เป็นสิ่งที่สุดยอดมหัศจรรย์ ที่มันได้มีกำเนิดขึ้นมาเองโดยจากธรรมชาติ ที่มันได้อยู่ด้านบนหมู่เกาะมอลตาโกโซ นอกจากสิ่งที่มันได้ติดกับธรรมชาติแห่งนี้นั้น

ทั้งนี้มันก็ยังมีสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดของโลกอย่างหลุมที่ลึกอย่างหลุมสีน้ำเงินอีกด้วย ซึ่งสถานที่แห่งนี้มันจึงได้กลายมาเป็นจุดเด่นของเหล่าบรรดานักดำน้ำและนักท่องเที่ยวต่างๆนานาอีกมากมายที่คิดอย่างจะมาสถานที่แห่งนี้แต่เพียงสถานที่เดียว เพื่ออยากจำดำน้ำลงไปสำรวจดูที่ใต้ผิวน้ำและด้านภูมิทัศน์ที่มีความงดงาม เนื่องจากประตูหน้าต่างธรรมชาติแห่งนี้นั้น

มันได้มีรูปร่างที่เป็นแท้งหินที่ได้มีความเก่าแก่ที่ได้อยู่บนเกาะแห่งนี้มาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ยังมีความโดดเด่นมาขึ้นไปอีกเพราะมันได้มีความยาวยืดออกไปนอกตัวทะเล ซึ่งจุดที่โดดเด่นของมันนั้นก็คือมันจะมีลักษณะรูปทรงเหลี่ยมที่มองดูเหมือนกับหน้าต่าง และด้วยเหตุที่มันได้เกิดเป็นสี่เลี่ยมนั้นไม่ใช่ฝีมือมนุษย์แต่อย่างใด

เพราะมันได้เป็นฝีมือจากธรรมชาติที่ทำให้มันได้เกิดขึ้นมามันอาจจะเกิดขึ้นมาจากถูกน้ทะเลกัดเซาะมันจึงได้ทำให้เกิดเป็นรูปสี่เลี่ยมอย่างที่คุณคนนั้นได้เห็นกัน ทั้งนี้ดานประตูหน้าต่างแห่งนี้มันยังมีความหนาประมาณ23เมตร ซึ่งจะมีสีที่อาจจะดูเหมือนกับสีของหินปูนโดยทั่วๆไป นอกจากนี้สีของสีนั้นมันจะมีสีที่แตกต่างกันออกไปมันก็จะขึ้นอยู่กับแสงแดดที่มันจะส่องมากระทบกับหิน หรือในบริเวณมันก็จะมีน้ำขัง

มันจึงได้ทำให้สีของหินนั้นได้เกิดขึ้นจากสีด้านธรรมชาติที่สุด เนื่องจากบานประตูหน้าต่างที่มันได้มีความใหญ่ได้ถึงขนาดนี้นั้นทั้งนี้มันก็ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่มันจะสามารถทำให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้นก็คือ มันได้เป็นหลุมน้ำที่มีความลึกเป็นสีน้ำเงินที่จะมีให้เห็น มันจะมีน้ำทะเลที่ใสมองดูสวยงาม ซึ่งมันก็ได้ทำให้สถานที่แห่งนี้ได้กลายมาเป็นจุดของศูนย์รวมของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบสิ่งที่เป็นธรรมชาติ ทั้งนี้มันก็ยังได้เป็นสถานที่

ที่ได้ถูกนิยมที่เหล่านักท่องเที่ยวนั้นชื่นชอบเข้ามาดำน้ำที่ที่สถานที่แห่งนี้อีกด้วย ซึี่งมันก็เป็นอีกหนึ่งของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไปพักผ่อนกันเป็นจำนวนมากในยามว่างของเหล่านักท่องเที่ยวอีกด้วย

 

สนับสนุนโดย  bk8

ยอดเขาที่มีความสูงมากที่สุดของประเทศไทย

สำหรับใครที่กำลังมองหาสถานที่ที่จะเอาไว้ท่องเที่ยวยามหน้าหนาวเราของแนะนำสถานที่เหล่านี้เลยรับรองเลยว่าวิวนั้นสวยจนต้องทำให้คุณนั้นอย่างหันกลับไปที่นั่นอีกสักครั้งหนึ่งและวันนี้จะมีอะไรกันบ้างมาดูกันเลย

ยอดเขาหลวง มีความสูงระดับ1,835เมตร

สำหรับยอดเขาหลวงนั้นได้ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาหลวงจังหวัดนครศรีธรรมราช ณ ที่ยอดเขาหลวงแห่งนี้เป็นได้เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำลำธารและคลองต่างๆอีกมากมาย ณ สภาพภูมิอากาศโดยรอบได้เป็นป่าดงดิบชื้นและป่าดิบเขาอีกยังได้มีธรรมชาติที่ได้มีความสวยงามและยังได้มีความหลากหลายทั้งธรรมชาติที่สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเลยก็คือป่าเฟิร์นโบราณและพันธุ์กล้วยไม้ที่หายากอีกทั้งยังได้เป็นดินแดนสวรรค์ของกลุ่มกล้วยไม้เมืองไทยที่หายากและยังคุณค่าแก่การอนุลักษณ์อีกด้วย

ดอยภูแว มีความสูงระดับ1,837เมตร

สำหรับยอดดอยภูแวนั้นได้ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยภูคาจังหวัดน่านและสำหรับที่บนยอดดอยนั้นมีลักษณะที่เป็นทุ่งหญ้าไม่มีต้นไม้ใหญ่อีกทั้งยังได้มียอดเขาอยู่หลายลูกที่ได้เรียงตัวกันเป็นสันเขาทอดตัวยาวและเป็นเทือกเขาเดียวกันกับยอดเขาภูไตได้มีลานหินและหน้าผาทั้งยังมีพันไม้ที่สำคัญอย่างเช่นดอกกุหลาบพันปี ทุ่งดอกไม้ ผาแด่น ผาผึ้ง นั้นยังเป็นเป็นสถานที่ที่ได้เอาไว้ชมวิวทิวทัศน์และทะเลหมอกที่มีความสวยงามและที่ได้เป็นจุดไฮไลท์ที่สำคัญนั้นจะอยู่ที่ช่วงตอนบ่ายแก่ๆทั่งยังมีทุ่งหญ้าสีเขียวสดและเมื่อได้โดนแสงแดดส่องมันก็จะค่อยเปลี่ยนสีไปตามแสงแดดซึ่งมันได้เป็นภาพที่สวยงามที่สุดที่คุณนั้นจะไม่มีวันลืมหากได้มาท่องเที่ยวที่ดอยภูแวแห่งนี้

ยอดเขาโมโกจู มีความสูงระดับ1,964เมตร

 สำหรับยอดเขาโมโกจู นั้นได้ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่วงได้มีพื้นที่ครอบคลุมจังหวัดนครสวรรค์และกําแพงเพชรสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะต้องการไปพิชิตบนยอดเขาโมโกจูจำเป็นที่จะต้องติดต่อเพื่อขอจองในช่วงระยะเวลากับเจ้าหน้าที่ก่อนให้เรียบร้อยและที่สำคัญคุณควรจะต้องฟิตร่างกายของตัวเองมาให้พร้อมด้วยเพราะสำหรับทางที่จะเดินขึ้นเขาที่นี่นั้นได้มีความลาดชันไม่ต่ำกว่า60องศาและอาจจะต้องใช้ระยะเวลาที่จะเดินทางไปกลับอยู่หลายวันและจะต้องนอนคาอยู่ภายในป่า

ตามที่ได้มีกำหนดและถ้าหากว่าได้ลองขึ้นไปมองเห็นที่วิวข้างด้านบนแล้วขอรับลองเลยว่าคุณนั้นจะลืมความเหนื่อยไปในทันทีเลยดังนั้นสำหรับใครที่จะเตรียมตัวเพื่อที่จะมาเข้ามาพิชิตที่ยอดเขาโมโกจูก็ควรต้องศึกษาเรื่องของสภาพฟ้าและอากาศให้ดีและให้เรียบร้อยซะก่อนมันจะเป็นการดีมากที่สุดเผื่อคุณนั้นจะได้มาไม่เสียเวลาเสียเที่ยวเอาเปล่าวๆ

สถานที่ท่องเที่ยวหนีความร้อนใกล้กรุงเทพ

ในสภาพอาการของบ้านเราโดยเฉพาะในเมืองกรุงที่ทั้งร้อนอบอ้าวแถมเต็มไปด้วยฝุ่นควันดังนั้นจึงทำให้หลายคนนั้นมีความอยากที่จะหาสถานที่หลบร้อนโดยสามารถไปนอนแบบชิวๆได้เป็นเวลาสักคืน และหากจะให้ชุ่มฉ่ำแบบสะใจแล้วละก็จะต้องมีที่สามารถเล่นน้ำได้ในตัวพร้อมกับที่พักไม่ว่าจะเป็นสถานที่ที่มีสระว่าน้ำหรือสวนน้ำก็ตามหรือแม้แต่ทะเลก็เป็นการช่วยอัพดีกรีในความเย็นสบายให้แก่พวกเราได้เป็นอย่างดี ดังนั้นหากใครก็ตามที่ยังไม่ทราบว่าจะมีการหนีร้อนไปที่แห่งไหนดี

ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำสถานที่ที่เป็นที่พักสุดชิวที่มีสถานที่สำหรับเอาไว้เล่นน้ำและให้ไปนอนพักโดยมีดังนี้

เรามาเริ่มที่เป็นแนวทะเลและใกล้กรุงเทพอย่างหัวหินกันก่อนเลย กับ Holiday inn vana hua hin ซึ่งสำหรับที่นี่มีที่พักแสนสวยและยังมีพร้อมสำหรับทุกอย่าง รวมกับทั้งมีวิวที่สวยแถมมีห้องพักอย่างดีอีกด้วย ห้องอาหารก็ดี และยังมีกิจกรรมให้เราได้เลือกทำอีกต่างหาก ส่วนที่เป็นไฮไลท์ที่เราจะไม่พูดถึงนั้นไม่ได้เลยนะเพราะนั้นก็คือสวนน้ำวานานาวาที่อยู่ติกับบริเวณของโรงแรม ทางด้านของความพิเศษที่เป็นของมันนั้นก็คือลูกค้าของโรงแรมสามารถที่จะเข้าใช้งานได้อย่างฟรีนั่นเอง

นอกจากนั้นคุณยังไม่ต้องไปรอต่อคิวที่จะซื้อตั๋วให้วุ่นวาโดย ภายใน 1 วันนั้นเราจะทำการเข้าออกบริเวณสวนน้ำนี้กี่ครั้งก็ได้นะถึงแม้ว่าจะเช็คเอ้าแล้วก็ยังสามารถที่จะสามารถเข้าเล่นน้ำได้อย่างเต็มวันกันไปเลย และถ้าหากท่านใดที่ไม่อยากออกจากที่พักแล้วละก็ทางโรงแรมเองก็มีสระว่ายน้ำที่อยู่บริเสณชั้นบนชั้นที่ 26 นั่นเอง โดยที่นี่นั้นเป็นแบบทรีนีตี้พลูเลยนะคะ ซึ่งเรานั้นจะได้ว่ายน้ำแบบเพลินๆโดยได้มีการชมบรรยากาศของชายทะเลไปด้วย แถมยังสามารถที่จะสั่งเครื่องดื่มค็อกเทลมาจิบแบบเก๋ๆได้อีก บอกเลยว่าถูกใจกับสาวๆอย่างแน่นอนจะเซลฟี่แบบไหนก็ตามมุมไหนก็ถือว่าสวยสุดๆไปเลย

ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวสำหรับแนวไหนก็ตามท่านสามารถที่จะท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจ  เพราะจะมาแนวครอบครัวก็ไม่ต้องกังวลอะไรเนื่องจากมีน้ำและเครื่องเล่นให้เด็กๆได้เล่นและสัมผัสกับความสนุกจนลืมสิ่งอื่นรอบที่เป็นรอบข้างกันไปเลยนะ หรืออาจจะเดินทางไปกับคู่รักหรือเพื่อนๆก็จะสนุกไปอีกแบบ

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนของเราโดย  sagame

ไปเที่ยวไต้หวันจะต้องทำตัวอย่างไร

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายของประเทศไต้หวัน ไม่ว่าจะเป็น พิพิธภัณท์พระราชวังกู้กง ตึกไทเป 101 หมู่บ้านโบราณจิ่วเฟิ้น อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค และตลาดกลางคืนชื่อดังมากมาย ไต้หวันยังมีอาหารอร่อยๆ ไว้ให้ลิ้มลองอิ่มท้องหลากหลายทั้ง ชาบูหม่าล่า เสี่ยวหลงเปา ไข่ต้มใบชา เต้าหู้เหม็น และที่ขาดไปไม่ได้เลยด็คือ ชานมไข่มุก

จะเห็นได้เลยว่าเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวอยากลองไปเที่ยวที่ประเทศนี้  แต่ก่อนที่จะไปเที่ยวที่ประเทศไต้หวันนั้นมีข้อควรรู้รวมถึงกฎระเบียบที่ต้องปฏิบัติตามดังนี้ค่ะ

  1. การขึ้น-ลงบันไดเลื่อน ที่ประเทศไต้หวันการขึ้น-ลงบันไดเลื่อนนั้นเหมือนกับที่ประเทศเกาหลีใต้เลยค่ะ สามารถจำไปใช้เมื่อไปเที่ยวทั้ง 2 ประเทศได้เลย คือควรยืนชิดขวาค่ะ ถ้าต้องความเร็วหรือถ้าคุณรีบให้ใช้ชิดซ้ายค่ะ ห้ามหยุดอยู่ตรงกลางบันไดเลื่อนนะคะ เพราะจะเป็นการขวางทางทั้งคนที่ยืนชิดขวา และ คนที่ยืนชิดซ้ายค่ะ 
  2. กฎของสถานีรถไฟฟ้า ที่ประเทศไต้หวันนั้นมีกฎระเบียบค่อนข้างเข้มงวดสำหรับการใช้บริการรถไฟฟ้าค่ะ คือ ห้ามสูบบุหรี่ ห้ามรับประทานอาหาร ห้ามเคี้ยวหมากฝรั่ง ภายในสถานีรถไฟฟ้าทุกสถานีค่ะ หากคุณฝ่าฝืนกฎระเบียบเจ้าหน้าที่จะทำการปรับคุณ ค่าปรับอยู่ที่ 1,500-7,500 ดอลลาร์ไต้หวันค่ะ
  3. ห้ามปักตะเกียบกลางถ้วยชามข้าว เป็นอีกข้อที่เหมือนกับประเทศเกาหลีใต้ รวมไปถึงประเทศจีนด้วยค่ะ เพราะคนไต้หวันเปรียบเสมือนการไหว้คนตายในงานศพ และพิธีกรรมต่างๆที่เกี่ยวกับคนตาย ควรระวังในข้อนี้ให้มากๆนะคะ
  4. ใบเสร็จที่ไต้หวันคือลอตเตอรี่ ที่ประเทศไต้หวันนั้นเมื่อคุณได้ทำการจับจ่ายซื้อของตามร้านค้าต่างๆ คุณจะได้รับใบเสร็จที่มี code ภาษาอังกฤษกับตัวเลขอีกจำนวนแปดหลัก ค่ะ ซึ่งใบเสร็จเหล่านี้คือลอตเตอรี่ที่ให้คุณเอาไว้ลุ้นรับเงินรางวัลได้ โดยลรางวัลนั้นสามารถตรวจและนำไปขึ้นเงินได้ในทุกวันที่ 25 ของเดือนที่เป็นเลขคี่ค่ะ แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณมาเที่ยวแค่แป๊บเดียวไม่ได้อยู่นานมาก็สามารถนำใบเสร็จเหล่านั้นไปหย่อนที่ตู้รับบริจาคได้ค่ะ ถ้าใบเสร็จที่อยู่ในกล่องถูกเงินรางวัล เงินเหล่านั้นจะถูกโอนเข้ามูลนิธิและองค์กรต่างๆ ตามกล่องบริจาคที่คุณได้ใส่ใบเสร็จบริจาคนั้นเองค่ะ 
  5. ไม่ต้องทิป หากคุณไปใช้บริการตามร้านอาหารทานข้าว เครื่องดื่ม ต่างๆเสร็จแล้วนั้นไม่จำเป็นต้องให้ทิปกับพนักงานค่ะ เพราะร้านอาหารส่วนมากในไต้หวันมักจะรวมค่า Service Charge 10% เอาไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ
  6. ห้ามกระดิกนิ้วเรียกคนอื่น การกระทำแบบนี้ในประเทศไต้หวันถือเป็นเรื่องเสียมารยาทอย่างมากและไม่เคารพคนอื่นค่ะ หากคุณต้องการเรียกคนให้ใช้มือทั้งมือในการกวักเรียกแทนค่ะ